ในปัจจุบันสถาบันการเงินกำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมาหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ผู้กู้ได้เลือกใช้ ดอกเบี้ยประเภทไหนที่เหมาะสมที่สุด
ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน มีกี่ประเภท
การกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยนอกจากเงินต้นที่ต้องผ่อนแล้ว ยังมีเรื่องดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ในปัจจุบันสถาบันการเงินกำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมาหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ผู้กู้ได้เลือกใช้ ลองมาดูกันค่ะว่า ดอกเบี้ยประเภทไหนที่เหมาะสมและช่วยเราประหยัดมากที่สุด
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) : อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้เป็นตัวเลขตายตัว ไม่ขึ้นหรือลงตามต้นทุนของสถาบันการเงิน คงที่ตลอดอายุสัญญาเงินกู้หรือในช่วงเวลาที่กำหนด มักเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ใช้ในสินเชื่อระยะสั้น เช่น สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อจักรยานยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น ส่วนสินเชื่อระยะยาวอย่างสินเชื่อบ้านจะมีกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ระบุไว้อย่างชัดเจน เช่น 4.25% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) : อัตราดอกเบี้ยที่กำหนด ณ ปัจจุบัน ตามประกาศของสถาบันการเงิน อาจมีการปรับเปลี่ยนขึ้นหรือลงได้ตามสถานการณ์ตลาดเงินหรือต้นทุนทางการเงินของสถาบันการเงิน ซึ่งสถาบันการเงินจะประกาศออกมาเป็นคราว ๆ ไป อัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินนิยมใช้อยู่ ได้แก่ MLR MRR และ MOR แต่ละแบบจะใช้อ้างอิงกับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไป ในการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบต่อเงินงวดที่ชำระในแต่ละเดือน เงินงวดที่ชำระรายเดือนเดิมอาจต้องมีการปรับสูงขึ้นหรือลดต่ำลงก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น
อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะหนึ่งและปรับเป็นคงที่ใหม่ทุกรอบเวลา (Rollover Mortgage Loan) : อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะหนึ่ง เช่น 3 ปี หรือ 5 ปี และปรับเป็นคงที่ใหม่ทุกรอบเวลา 3 หรือ 5 ปี ตลอดระยะเวลากู้นาน 25-30 ปี เช่น สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ธนาคารอาคารปล่อยกู้ เป็นต้น ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แต่ละช่วงจะคงที่โดยอิงกับต้นทุนพันธบัตรที่ธนาคารบวก 2.50 % เช่นหากต้นทุนพันธบัตรเท่ากับ 4 % อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะเท่ากับ 6.5 % ต่อปีเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจริงตามประกาศ
ในปัจจุบันสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อมักจะเสนอดอกเบี้ยให้ 2 ประเภท คืออัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ในระยะเวลาสั้นๆ ช่วง 1-3 ปีแรก หลังจากนั้นจะเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวจะเป็น MLR MRR หรือ MOR ขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้าของผู้ยื่นกู้ด้วย ซึ่งจะเป็นผลดีกับการผ่อนชำระค่างวดแบบระยะยาวเพราะเงินต้นที่ลดลง จะนำมาใช้คำนวนดอกเบี้ยใหม่ที่ลดลง ประหยัดดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละงวด ทำให้หนี้ก้อนนี้หมดเร็วขึ้นผลจากการชำระแบบลดต้นลดดอกนั้นเองค่ะ
เพื่อนๆ ลองนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองได้ หรือสามารถปรึกษาสถาบันการเงินที่ทำการกู้สินเชื่อมา เพื่อหาวิธียืดหยุ่นในการผ่อนชำระไม่ให้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตจากการรัดเข็มขัดที่แน่นจนเกินไป มีอิสรภาพทางการเงินมากขึ้น จ่ายค่าบ้านแบบสบายๆ แล้วชีวิตก็อยู่ดีมีสุขขึ้นด้วยจริงไหมคะ