เมื่อเมืองหลวงมีการก้าวกระโดดของราคาที่ดินที่นับวันยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การครอบครองที่ดินนั้นเป็นไปได้ยาก และในที่ดินบางที่ก็ไม่สามารถทำการขายขาดได้ เช่น ที่ดินบางส่วนของภาครัฐ ดังนั้นจึงทำให้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มี 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ Freehold และ Leasehold
กรรมสิทธิ์ในการถือครอง
Freehold กรรมสิทธิ์แบบถือครอง การเป็นเจ้าของร่วมในคอนโด มีสิทธิ์ทั้งในที่ดิน อาคารและห้องชุด สามารถปรับปรุง ซ่อมแซม ตกแต่งห้องได้ตามต้องการ หากเกิดเหตุไม่คาดคิดสามารถได้ค่าชดเชยตามสัดส่วนในโฉนดที่ดินนั้น
Leasehold กรรมสิทธิ์แบบสัญญาเช่า การครอบครองเป็นไปตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดตามที่ได้ตกลงในสัญญาโดยสิทธิ์ที่ได้จะเป็นเพียงกรรมสิทธิ์ในห้องชุดเท่านั้น ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน สามารถปรับปรุง ซ่อมแซม ตกแต่งห้องได้ตามต้องการเช่นเดียวกับ Freehold หากเกิดเหตุไม่คาดคิดจะได้ค่าชดเชยตามระยะเวลาสัญญาเช่าที่เหลืออยู่
ต้นทุนในการถือครอง
Freehold หากเป็นการขายขาดย่านธุรกิจแล้ว ยิ่งทำเลดีเท่าไหร่ราคาต้นทุนย่อมสูงมากตามลำดับ
Leasehold สัญญาแบบเช่าซื้อเป็นทางเลือกสำหรับการจับจองที่อยู่อาศัยทำเลดีในราคาถูกกว่าแบบซื้อขาดอย่างน้อย30%-40% เลยทีเดียว
มูลค่าทรัพย์สิน
Freehold มูลค่าทรัพย์สินปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งถือครองนาน มูลค่ายิ่งสูง และสามารถทำการซื้อขายต่อได้อย่างปกติ
Leasehold มูลค่าทรัพย์จะสิ้นสุดลงเมื่อหมดสัญญาเช่า และผันผวนไปตามสภาพแวดล้อมของโครงการนั้นๆ
ระยะเวลาในการถือครอง
Freehold คือการขายขาด มีสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินร่วมและถือครองสิทธิ์ได้ตลอดไป
Leasehold คือสัญญาเช่าระยะยาว ตามกฎหมายของประเทศไทยนั้นจะครอบครองกรรมสิทธิ์เช่าได้ 30 ปี
มรดกตกทอด
Freehold สามารถส่งต่อเป็นมรดกแก่รุ่นลูกรุ่นหลานได้ในอนาคต
Leasehold สามารถส่งต่อเป็นมรดกแก่รุ่นลูกรุ่นหลานได้ในช่วงระยะเวลาที่ครอบครองกรรมสิทธิ์เช่า
ความสามารถในการถือของชาวต่างชาติ
Freehold ตามกฎหมายแล้วการขายสิทธิ์ให้ชาวต่างชาติสามารถทำได้ในสัดส่วน 49% จากยูนิตทั้งหมดของโครงการ
Leasehold เพราะเป็นสัญญาเช่า ชาวต่างชาติสามารถถือครองได้ไม่จำกัดจำนวนห้องตามระยะเวลาในสัญญาเช่า
การเลือกลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบ Freehold และ Leasehold ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อ ใครเป็นผู้ซื้อ ต้องการที่ซื้อเพื่อลงทุน ปล่อยเช่า หรือซื้อมาขายไป หากในเมืองหลวงย่านธุรกิจแล้วการเลือก Leasehold น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี เหมาะกับชาวต่างชาติที่ต้องการอยู่อาศัยในประเทศไทยในช่วงเวลาหนึ่ง แต่สำหรับในย่านชานเมืองการซื้อขาด Freehold ได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ร่วมย่อมดีกว่าด้วยราคาที่จับต้องได้ เป็นทรัพย์สินที่สามารถส่งต่อเป็นมรดกสู่ลูกหลานได้และที่สำคัญอย่างลืมที่จะสอบถามกับทางโครงการว่าเป็นแบบ Freehold หรือ Leasehold ก่อนตัดสินใจซื้อ